|
![]() |
:: บทเพลงประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต :: เพลงที่ 31 ตอบปัญหาญาติโยม |
ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๓๑ ทำนอง : กลันตันรันทด - กะลันตันรันทด ครั้นถึงจังหวัดนครราชสีมา พักหลายเวลาที่วัดป่าสาลวัน ผู้คนมากมายมุ่งมาหาท่าน หมายมั่นด้วยใจที่ศรัทธา บ้างมีปัญหาถามมากมาย เขาถามว่าท่านมาคราวนี้ หวังเพียงปรานีสอนประชาชีอย่างเดียวใช่ไหม หรือว่ายังหวังธรรมนั้นขั้นใด มรรคผลชั้นไหนยังปรารถนา ที่ยังค้างคามีกังวล ท่านตอบเขาว่าอาตมาไม่หิว ไม่หลงหอบหิ้วหาสิ่งใดมาใส่ตัวตน ให้ยุ่งไปไยเหมือนไฟเผาลน ลำบากลำบนตนอีกทำไม สัจจะใดๆ รู้จริงหมดแล้ว -ดนตรี- ขอให้ญาติโยมทำความดี ด้วยตัวเรานี่แต่บัดนี้อย่าคลาดแคล้ว มุ่งมั่นทำไปด้วยใจแน่แน่ว ถึงเวลาแล้วอย่ามัวแต่หลง ห่วงหวงพะวงมืดมิดปิดตา อย่าทะนงหลงผิดอย่าคิดมัวเมา ประพฤติดังเราไม่มีป่าช้า ไม่อาจเหนือกรรมที่เราทำมา มิว่าจะอยู่แห่งไหน ผลกรรมตามไปได้ทุกนาที -ดนตรี- แล้วเปลี่ยนเป็นทำนอง --ค้างค้าวกินกล้วย พักอยู่เมือง-ราชสีมาพอได้เวลาก็ต้องจากจร ด้วยรถไฟไม่ต้องแรมรอนเข้าสู่นครอุดรธานี พักวัดโพธิสมภรณ์ ญาติโยมมาต้อนคอยรับมากมี กับท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ ศิษย์ท่านองค์นี้ที่นิมนต์มา-พัก วัดโพธิสมภรณ์จังหวัดอุดรฯ อยู่หลายเวลา พระเณรญาติโยมทยอยมา บำเพ็ญภาวนา รับฟังคำสั่งสอน -ดนตรี- ต่อมาพักวัดโนนนิเวศน์ ในเขตอุดรฯ ได้สองพรรษา ก็มีคณะศรัทธาร่วมใจกันมานิมนต์อ้อนวอน นิมนต์ให้ท่านไปโปรดสอนธรรมในสกลนคร ท่านจึงจากอุดรฯ ไปสกลนครตามคำนิมนต์ พอสมควรแล้วท่านก็พาตนมาวัดป่านามน เขต สกลนคร แล้วย้ายไปบ้านโคกดงดอน หยุดจาริกจรอยู่จำพรรษา -ดนตรี- -พูด- บรรยาย ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๓๑ ท่านพระอาจารย์มั่นพาหมู่คณะจำพรรษาที่สำนักป่าบ้านโคกด้วยความผาสุกทั้งทางกายและจิตใจไม่มีการเจ็บไข้ได้ทุกข์ตลอดพรรษา ท่านพระอาจารย์มั่นท่านสอนพระเณรให้เด็ดเดี่ยวอาจหาญมากในการปฏิบัติธรรม ใครไม่ตั้งใจจริงอยู่กับท่านไม่ค่อยได้ ราว ๖-๗ คืนมีการประชุมธรรมครั้งหนึ่ง การแสดงธรรมแต่ละครั้ง นับแต่ ๒ ชั่วโมงขึ้นไปถึง ๓-๔ ชั่วโมง ขณะฟังท่านแสดงธรรมทำให้จิตประหวัดถึงครั้งพุทธกาลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุบริษัทโดยเฉพาะในสมัยนั้น แน่ใจว่าพระองค์ทรงหยิบยกเอาแต่ธรรมมหาสมบัติ คือมรรคผลนิพพานออกแสดงล้วนๆ ไม่มีธรรมอื่นแอบแฝงอยู่ในขณะนั้นเลย จึงสามารถทำให้ผู้ฟังบรรลุมรรคผลนิพพานไปตามๆ กัน ไม่ขาดวรรคขาดตอนตลอดวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านพระอาจารย์มั่นแสดงธรรมก็ล้วนเป็นธรรมปัจจุบันกลั่นกรองออกจากใจล้วนๆ มิได้แสดงแบบลูบๆ คลำๆ กำดำกำขาวออกมาให้ผู้ฟัง ซึ่งต่างมีความสงสัยอยู่แล้วให้เพิ่มความสงสัยยิ่งขึ้น แต่กลับเป็นธรรมเพื่อทำลายความสงสัยนั้นๆ ให้ทลายหายไปทุกระยะที่แสดง ผู้ฟังธรรมประเภทอัศจรรย์จากท่านจึงมีทางบรรเทากิเลสไปได้มากมาย ยิ่งกว่านั้นก็มีทางให้สิ้นความสงสัยโดยประการทั้งปวงเสียได้ ขณะอยู่กับท่านบรรยากาศรู้สึกอบอวลไปด้วยอรรถด้วยธรรม ประหนึ่งมรรคผลนิพพานราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ กลางวันกับกลางคืนเหมือนเป็นราตรีเดียวในการประกอบความเพียรของพระเณรทั้งหลาย และที่สำนักป่าบ้านโคกนี่เอง ที่หลวงตามหาบัว ได้เดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์ จนกระทั่งถึงกาลพระอาจารย์มั่นละสังขาร รวมทั้งหมด ๘ พรรษา และจุดนี้เองที่ทำให้ท่านได้พยายามรวบรวมประวัติของท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งเป็นประวัติที่หมดจดงดงามมากในบรรดาครูอาจารย์สมัยปัจจุบัน เป็นประวัติที่ทรงดอกทรงผลตลอดต้นจนบั้นปลายสวยงามทุกระยะ น่าเคารพเลื่อมใสของคนทุกชั้นทุกเพศทุกวัยอันเป็นประโยชน์ เป็นตัวอย่างและแนวทางที่แสนประเสริฐยิ่งใหญ่แก่สาธุชนลูกหลานเหลนสืบไปทั้งปัจจุบันและอนาคต พอหน้าแล้งของพรรษาที่ ๓ ก็มีญาติโยมจากบ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้อาราธนาให้ท่านมาโปรดที่หมู่บ้านนั้น ท่านรับคำนิมนต์นั้น ไม่นานท่านก็ออกเดินทางจากบ้านโคกมาหนองผือด้วยเท้า และพักแรมมาตามรายทาง ๓-๔ คืน จึงถึงหมู่บ้านหนองผือ เพราะทางเต็มไปด้วยป่าดงพงลึก ต้องดั้นด้นซอกซอนมาตลอดสายจนถึงบ้านหนองผือ |
![]() |
Copyright All Rights Reserved. |