Find in Page
Print
Print
Close
Close
:: บทเพลงประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต :: เพลงที่ 29 โรคกรรมเก่า

           ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๒๙ 
ทำนอง : ไทยเดิม

    แดนดอยดงดิบกันดารเพียงใด อยู่ป่าเขาไหนมีพระมุ่งไปหาท่าน
ชื่อเสียงเลื่องลือระบือสะท้าน ว่าพระอาจารย์มั่นพบนิพพานอันแสนอำไพ
มีพระหนึ่งองค์ธุดงค์ไปหา มอบตัวศึกษาเป็นศิษย์ดังคิดฝันใฝ่
หวังลบกิเลสให้เสร็จสิ้นไป ออกจากใจให้ละลายมอดม้วย
บ่ายวันหนึ่งซึ่งเคยจรไปเป็นประจำ ไปอาบน้ำในลำห้วย มีพระองค์หนึ่งไปด้วย
ด้วยกันแอ่งตรงนั้นสององค์
กำลังจะอาบก็มีสีกาเดินผ่านมา พอพบอุราก็พาพะวง
สายตาประสบพบยิ่งงวยงง ทั้งสาวดงก็พะวงเช่นกัน
-ดนตรี-
ทั้งคืนนั่งยืนพิจารณา ตลอดราตรีหวังคลี่คลายด้วยใจมุ่งมั่น
ร้อนรุมสุมทรวง ดั่งบ่วงผูกพัน เกรงพระอาจารย์ทั้งกลัวทั้งอายท่านเต็มที
ฝ่ายพระอาจารย์มั่นก็รู้ เพราะกำหนดดู รู้ทุกกระบวนถ้วนถี่
ว่าพระองค์นั้นไปเจอของดี เข้าแล้วซีโดยไม่มีเจตนา
เช้าตื่นขึ้นมาพบหน้าทันใด ท่านยิ้มให้ด้วยจิตใจที่เมตตา
ไม่นานเท่าไหร่พอได้เวลา เตรียมบาตรมา จะบิณฑบาตดังหมาย
-ดนตรี-  แล้วเปลี่ยนเป็นทำนอง --ขอมทรงเครื่อง

    บัดนั้นพระอาจารย์มั่นจึงเปรย เอ่ยเสียงพูดว่า เมื่อคืนผ่านมาเร่งเพียรภาวนา ใช่ไหม
ให้เร่งต่อไปไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้ พระองค์เดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ดังปอง
แต่ท่านมิได้เหลียวมอง พระนั้นจำต้องอยู่ภาวนา
-ดนตรี-
ด้วยองค์ท่านเองเล็งเห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้น หากให้ไปบิณฑบาตดั่งเคยเป็นมา
พระองค์นั้น  พระองค์นั้นต้องไปพบหน้า ประสบสีกาที่เคยพบพาจนได้
ท่านจึงคิดหาอุบาย ดับไฟช่วยผ่อนถอนราคี
-ดนตรี-
ส่วนพระอีกองค์สงสัยอะไรหรือนั่น เหตุใดพระอาจารย์มั่นจึงถึงได้ปรานีพระองค์นั้น
พระองค์นั้นมากมายเหลือที่ ต้องภาวนาดีตลอดทั้งราตรีผ่านมา
พระอาจารย์มั่นท่านจึงเมตตา หนุนพาเสริมส่งความเพียร
-ดนตรี-

                                   -พูด-  บรรยาย ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๒๙
     พระองค์ที่สงสัยนั้นพอได้โอกาสก็แอบไปหาพระองค์ที่ท่านอาจารย์มิต้องให้ไปบิณฑบาตและพูดว่า
พระ1: ตามที่ท่านอาจารย์บอกว่าท่านกำลังเร่งความเพียรไม่ให้ไปบิณฑบาตนั้น ผมอยากทราบการ
ภาวนาของท่านเป็นอย่างไรบ้าง นิมนต์เล่าให้ผมฟังบ้าง
พระองค์นั้นพยายามหลบเลี่ยงไม่อยากจะตอบ แต่ทนความเซ้าซี้ไม่ไหว เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า
พระ2: จะเล่าให้ฟังก็ได้แต่อย่านำเรื่องนี้ไปเล่าถวายให้ท่านอาจารย์ทราบนะ เพราะท่านทราบเรื่องของผม
ละเอียดแล้วยิ่งกว่าผมทราบเรื่องของตัวเองเป็นไหนๆ ฉะนั้นผมจึงอายและกลัวท่านมาก
พระ1: เอาละผมรับปากจะไม่ไปเล่าถวายให้ท่านพระอาจารย์ทราบเด็ดขาด
พระองค์นั้นจึงพูดต่อไปว่า
พระ2: ผมจะภาวนาดีไปได้อย่างไร ท่านอาจารย์เห็นคนจะตายท่านก็ทำท่าช่วยเสริมไปตามอุบายแห่ง
ความฉลาดของท่านอย่างนั้นเอง  เมื่อวานนี้เราไปอาบน้ำด้วยกันที่แอ่งหิน ท่านเห็นอะไรบ้าง
พระ1: ผมไม่เห็นอะไรนอกจากหมู่ผู้หญิง  ที่พากันมาจากไร่และเดินผ่านเพื่อกลับหมู่บ้านของเขา
พระ2: นั่นแหละท่านที่ผมจะตายอยู่ในเวลานี้ จนถึงกับท่านอาจารย์ไม่ยอมให้ผมไปบิณฑบาต ท่านกลัว
ว่าผมจะไปสลบหรือตายอยู่ในหมู่บ้านนั้น ขณะที่จะไปเจอเข้าอีก  ทีนี้ท่านทราบหรือยังว่าคนจะ
ตายนั่นหรือคือคนภาวนาดี
พระ1: เอ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่นั่นแหละ ว่าท่านไปเป็นอะไรกับพวกเขาเหล่านั้นด้วยหละ  ขอนิมนต์เล่าต่อ
พระ2: ผมจะไปเป็นอะไรกับเขา นอกจากไปขโมยรักเขาเข้าโดยไม่รู้สึกตัว เพียงประสาททางตากระทบกัน
กับผู้หญิงคนนั้น มันเหมือนดมยาสลบเข้าไป ไม่ได้สติสตังเอาเลย ปรากฏมีแต่ความรักความ
ผูกพันธ์มัดจิตใจแน่นไปหมด ไม่มีเวลาลดหย่อนผ่อนคลายลงบ้างเลย  ทำให้จิตใจเซ่อซ่าไปตาม
อารมณ์นั้น พยายามตั้งตัวยังไงก็ไม่ติด จนกรรมฐานแตกกระเจิงไปหมด ปรากฏแต่ความสวยงาม
กับความบ้ารักของผมเท่านั้น เหยียบย่ำทำลายหัวใจผมแทบตายทั้งคืนเมื่อคืนนี้ แม้เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่
ลดละเรื่องบ้านั้นเลย ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับมัน ท่านช่วยผมหน่อยได้ไหม นับว่าเมตตาเอาบุญ
เถอะ
พระ1: ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้นะเมื่อท่านไม่สามารถระงับมันได้ ถ้าฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
นอกจากมันจะกำเริบขึ้นเท่านั้น ผมว่าท่านควรหลีกจากที่นี่ไปหาภาวนาเสียที่อื่นจะดีกว่า หากท่าน
ไม่สามารถกราบเรียนท่านอาจารย์ด้วยตัวเองได้ ผมจะช่วยกราบเรียนท่านให้ ว่าท่านประสงค์จะไป
แสวงหาที่วิเวกใหม่ เพราะอยู่ที่นี่ไม่สบาย เข้าใจว่าท่านคงจะอนุญาต เพราะท่านก็ทราบเรื่องท่านดี
อยู่แล้วโดยปริยาย เพียงแต่ท่านยังไม่พูดเท่านั้น เกรงท่านจะอายท่าน
    จึงเป็นอันตกลงกันตามนั้น พอตกเย็นองค์ที่จะช่วยอนุเคราะห์ก็เข้าไปกราบเรียนท่านอาจารย์ ซึ่งท่านก็อนุญาตทันที พร้อมกับพูดเปรยๆ เป็นปัญหามาด้วยอย่างลึกลับว่า
อ.มั่น: โรคกรรมนี้มันหายยาก โรคที่มีเชื้อเดิมอยู่แล้วติดต่อลุกลามได้เร็ว
    เท่านี้ท่านก็หยุดไม่พูดอะไรต่อไปอีก แม้ผู้ไปกราบเรียนก็ไม่เข้าใจในปัญหาท่าน  ต่อมาเธอองค์ที่ถูกศรรักนั้นก็หนีไกลออกไปพักในป่าลึก ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไกลจากหมู่บ้านเดิมนั้นมาก แต่อนิจจาโรคกรรมนี้มันหายยากดังคำท่านอาจารย์มั่นพูดไว้ไม่ผิดแม้กระเบียดเดียว หญิงบ้านป่าคนนั้นให้บังเอิญอุตส่าห์ด้นดั้นเปะปะไปหาจนเจอเข้าจนได้ ซึ่งธรรมดาผู้หญิงชาวบ้านป่าไม่เคยเป็นไปเช่นนั้นและปกติไม่คุ้นกับพระ  ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ได้เป็นไปแล้ว  หลังจากท่านพระอาจารย์มั่นและหมู่คณะจากหมู่บ้านนั้นไปไม่นานนัก ก็ทราบว่าพระองค์นั้นสึกเพราะดมยาสลบซ้ำๆ ซากๆ จนทนไม่ไหว สุดท้ายกรรมก็พาหมุนกลับมาได้เสียเป็นคู่ผัวเมียกันกับสาวงามชาวเขาเผ่ามูเซอคนนั้นที่บ้านนั่นเอง นับว่ากรรมเอาเสียจริงๆ ถ้าไม่กรรมแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร  ได้นำเรื่องนี้มาเล่าก็เพื่อเป็นคติเตือนใจของนักปฏิบัติ  หากมิสมควรประการใด  ก็หวังได้รับการอภัยจากทุกๆ ท่านนะครับ
 


Copyright © 2002 - 2003 วัดป่าบ้านตาด ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี 41000
All Rights Reserved.