Find in Page
Print
Print
Close
Close
:: บทเพลงประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต :: เพลงที่ 6 ฝึกจิตดวงที่ผาดโผน

                                  ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๖
ทำนอง : แต่งเองผสมไทยเดิม

    พระอาจารย์มั่นแม้ท่านจะอยู่ที่ไหน ป่าหรือแหล่งแห่งหนใด
เทอดธรรมวินัยนั้นอยู่เหนือเศียร มุ่งธรรมดำเนินมิเคยเหินห่างความเพียร
ทุกข์โศกโรคร้ายใดมาเบียดเบียน สู้เพียรทรหดอดทน
จะเคลื่อนไหวใดๆ ไม่เหม่อ สติกับใจไม่เผลอเรอเหม่อลอยสับสน
แม้กวาดลานวัดบิณฑบาตขัดกระโถน ทำความรู้สึกในตนไม่มีให้คลี่คลาย
หลับแล้วตื่นดึกดื่นรีบมา ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเร็วไว
ไล่ความง่วงเหงาเข้าทางจงกรมทันใด ไม่ยอมนอนต่อไปให้เคยตัวเมามัวการนอน
-ดนตรี-

    พระอาจารย์มั่นหาญกล้าสง่าผึ่งผาย เฉลียวฉลาดว่องไวหวังพ้นทุกข์ไปไม่มีถ่ายถอน
ดั่งอาชาไนย หัวใจเด็ดเดี่ยวแน่นอน
ไม่สะท้านสะทกโยกคลอน เหมือนใบไม้ตอนถูกลมพัดไหว
จิตผาดโผนนั้นเป็นความจริง ชอบออกรู้ออกเห็นทุกสิ่งได้อย่างมากมาย
แต่ท่านมีหลายหลากอุบาย วิธีแก้จิตใจให้คลายพยศลง
ทั้งปลอบทั้งขู่ฝึกอยู่นานปี ทรมานกันถึงที่หลายวิธีจึงได้ปลดปลง
ฝึกได้ดังหมายเหมือนดังใจจำนง กลายเป็นจิตอันมั่นคงตั้งยืนยงรอบรู้นอกใน
-ดนตรี-

                            -พูด-  บรรยาย ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๖
    ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าให้ฟังว่า ที่พระอาจารย์เสาร์ว่าให้ท่านว่า จิตท่านเป็นจิตที่ผาดโผนมากนั้น ถูกต้องทุกอย่าง เพราะจิตของท่านเป็นเช่นนั้นจริงๆ ระยะเริ่มแรกที่ท่านยังไม่เข้าใจและชำนาญต่อการเข้าออกของจิต ท่านเล่าว่าเวลาบังคับจิตให้พิจารณาลงในร่างกายส่วนล่าง แทนที่จิตจะรับรู้ลงไปตามร่างกายส่วนต่างๆ และจนถึงพื้นเท้า แต่จิตกลับพุ่งตัวเลยไปใต้พื้นพิภพ ค้นดูนรกหลุมต่างๆ และปลงธรรมสังเวชกับพวกสัตว์นรกที่มีกรรมต่างๆ กัน กำลังเสวยวิบากทุกข์ของตนจนลืมเวล่ำเวลา พอรีบฉุดให้ย้อนคืนมาสู่กาย ก็กลับพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เดินจงกรมไปมา เที่ยวชมสวรรค์วิมาน กว่าจะลงมาก็กินเวลาหลายชั่วโมง ต้องใช้สติบังคับอย่างหนักและเข้มแข็งถึงจะยอมลงมาเข้าสู่ร่างกาย และทำงานตามคำสั่ง กว่าจะรู้วิธีปฏิบัติต่อจิตดวงผาดโผนในการออกรู้สิ่งต่างๆ ไม่มีประมาณนี้ ก็นับว่ารำคาญและเป็นทุกข์เอาการอยู่ แต่เมื่อเวลารู้วิธีปฏิบัติรักษาแล้ว รู้สึกว่าคล่องแคล่วว่องไวและได้ผลกว้างขวาง ทั้งรวดเร็วทันใจต่อภายในภายนอก เวลามีสติปัญญารู้เท่าทันจนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว จิตดวงนี้กลับกลายเป็นแก้วสารพัดนึกขึ้นมา เพราะทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนได้อย่างน่าอัศจรรย์และไม่มีประมาณขอบเขต
    ท่านได้ธุดงค์โดดเดี่ยวไปทางประเทศพม่า แล้วกลับมาผ่าน จ.เชียงใหม่ลงไปหลวงพระบาง เลาะเลียบไปตามฝั่งโขง ในบางค่ำคืนขณะเดินจงกรมจะมีเสือโคร่งขนาดใหญ่มาหาท่านบ่อยๆ บางทีมันก็มาดูท่านอยู่ห่างๆ แต่มันก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรให้เป็นที่น่ากลัวนัก นอกจากคำรามร้องไปตามภาษาของมัน ท่านเคยไปพักบำเพ็ญเพียรอยู่ชายเขาฝั่งไทย ตะวันตกหลวงพระบาง ที่ใต้ชายเขาลูกนั้นมีเมืองพญานาคตั้งอยู่ใหญ่โตมาก หัวหน้าพญานาคพาบริวารมาฟังธรรมท่านเสมอ เขาเลื่อมใสศรัทธาท่านมาก คอยจัดให้บริวารมารักษาท่านทั้งกลางวันกลางคืน ท่านบำเพ็ญสมณธรรมอยู่แถบนั้นนานพอสมควรแล้ว ท่านก็เที่ยวจาริกไปตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสาน จนจิตมีกำลังต้านทานอารมณ์ภายในและอารมณ์ภายนอกได้บ้างแล้ว ก็ได้เที่ยวจาริกลงไปภาคกลาง และได้มาจำพรรษาที่วัดปทุมวัน จ.พระนคร


Copyright © 2002 - 2003 วัดป่าบ้านตาด ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี 41000
All Rights Reserved.