เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
พระอยู่ที่ธรรมวินัย
ก่อนจังหัน
วันนี้พระ ๓๖ องค์ โน่นไม่ใช่เล่น เมื่อวานนี้ ๒๙ จวนเข้าพรรษาเท่าไรก็ยิ่งไหลเข้ามาๆ ทางนี้ยิ่งล้นๆ ไหลออก วันเสาร์ วันอาทิตย์ เป็นวันที่ว่างงาน ทางพุทธศาสนาเราถือวัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันพุทธศาสนา งานของใจ งานเพื่อบุญเพื่อกุศลเข้าสู่ใจ อย่างทางโลกเขาถือวันเสาร์วันอาทิตย์เป็นสากล ทางพุทธศาสนาเราถือวัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันบำเพ็ญคุณงามความดีเข้าสู่ใจ นอกจากนั้นก็เป็นวันหมุนติ้วเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ แล้วก็มีความโลภแทรกเข้าไปๆ ให้ดีดให้ดิ้นไม่มีเวลาว่าง ๖ วัน ๗ วันหมุนเพื่ออันเดียว ส่วน ๒ วันควรจะแบ่งเอาไว้ เช่น วัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันผ่อนคลาย ให้เราได้บำเพ็ญการกุศลเข้าสู่ใจ
ใจเป็นตัวสำคัญอยู่ในร่างทุกคนๆ ใจอันนี้ไม่มีใครมองเห็นได้ง่ายๆ มีพระพุทธเจ้า รองลำดับลงมา สืบทอดมรดกอันเลิศเลอของท่านไว้ก็คือพระอรหันต์ นั่นท่านผู้ที่เห็นจิตรู้จิตเอาจิตไว้ได้ ยกจิตให้พ้นจากทุกข์คือมหานิพพาน จิตดวงนี้ไม่เคยตาย ท่านทั้งหลายให้จำไว้ อย่าให้กิเลสหลอกลวงนะ จิตๆ คือตัวนักรู้ มันอยู่ในกายของเรานี้ มันซ่านออกไปตามประสาทส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือของจิตนั้นแหละ ออกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสสัมพันธ์ตรงไหนรู้ทั้งนั้นๆ นี้คือกระแสของจิต ออกมาจากจิตโดยตรง ตัวนี้ไม่ตาย ออกจากร่างนี้ตายนี้แล้วไปเกิดที่นั่น ตายนั้นไปเกิดที่นี่ มีแต่ใจดวงเดียวนี้
โลกกิเลสมันตาบอด มองข้ามไปหมด มิหนำซ้ำบอกว่าตายแล้วสูญ ตัวมันนั้นแหละตายเกิดๆ มากี่กัปกี่กัลป์ ให้กิเลสลบล้างร่องรอยของตนที่เคยเป็นมาว่าสูญไปเสียหมด ให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ พุทธศาสนานี้เลิศเลอสุดยอดแล้ว เกิดมาไม่มีวาสนาไม่พบ พบแล้วก็ไม่สนใจ แม้เข้ามาอยู่ในวงศาสนายังมากัดกันอยู่ในวงศาสนาอีก นี่เห็นไหมกิเลสมันหยาบขนาดไหน มันตีเข้าไปได้ทุกด้านทุกทาง
พระเราให้ตั้งใจปฏิบัติตัวให้ดีนะ บวชเข้ามาเพื่อสร้างความดีทั้งนั้นแหละ นับแต่วันบวชนี้เป็นวันสร้างความดีทั้งหมด ละความชั่ว สร้างแต่ความดีๆ เฉพาะนักปฏิบัติเราจิตตภาวนาเป็นสำคัญมาก ศีลเรียกว่าบริสุทธิ์เต็มที่แล้วทุกองค์ๆ นับแต่วันบวชมา จากนั้นให้บำเพ็ญทางสมาธิ ทำใจให้สงบเย็น ถ้าใจสงบเย็นแล้วเย็นไปหมดทั่วโลกนั้นแหละ ถ้าใจร้อนแล้วก็เป็นไฟทั่วโลก ใจร้อนคือกิเลสเข้าเผา ใจเย็นคือน้ำดับไฟได้แก่ธรรม เป็นเครื่องดับกันอยู่ภายในตัว
อย่าตื่นโลกตื่นสงสาร ตื่นมากี่กัปกี่กัลป์ หลอกกันมาอย่างนั้น มีแต่กิเลสพาหลอก เอาธรรมเข้าจับบ้างจะได้ยับยั้งชั่งตัวได้พอประมาณ หรือได้ดี หรือได้เป็นอย่างดี เราเกิดมา เกิดมากับบุญกับกรรม บุญกรรมคือบาปบุญนั่นละพาให้เกิดมา มีดีมีชั่ว มีสูงมีต่ำ ให้บำเพ็ญทางดีนั้นละจะเป็นความดีสำหรับหนุนจิตใจเรา
ควรให้ว่าง ปีหนึ่งมีกี่วัน เดือนหนึ่งควรจะได้สัก ๔ วัน เช่นวัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ หรือ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันอบรมจิตใจควรจะได้ ทางสากลเขาก็เรียกวันเสาร์วันอาทิตย์นี้เป็นวันหยุดงานเขา วันพุทธศาสนาของเราคือวัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ ควรจะให้ได้ความดีงามนี้เข้าสู่ใจ จะขนไปให้ตั้งแต่กิเลสตัณหาเสียหมดเอามาเลี้ยงธาตุเลี้ยงขันธ์ ธาตุขันธ์ของเราเท่านี้ ท้องมันใหญ่โตอะไร ตัวโลภนั้นละมันกินไม่พอ ตัวนั้นให้ระวังให้ดี ทำโลกให้ร้อนอยู่ทุกวันนี้มีแต่ตัวโลภ เป็นบ้าอำนาจ บ้าทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าสิ่งไม่ดีแล้วมันหมุนติ้วเข้าเลยละใจ จำให้ดีนะทุกคนๆ ทีนี้จะให้พร
หลังจังหัน
(ชาวอินโดนีเซีย ๕๑ คนและคณะสงฆ์มีเจ้าคุณพระปัญญาวราภรณ์ สังฆราชอินโดนีเซียมานมัสการหลวงตา) อินโดนีเซียรู้สึกจะเข้ามาในวัดนี้มากอยู่นะ ฝ่ายผู้หญิงมักจะมาเสมอ และประชาชนก็มาเรื่อย ๆ อย่างนี้แล้ว มามาก ถือเถอะใครจะถือพุทธศาสนาไม่มีขาดทุนสูญดอก มีแต่ผลบวกๆ โดยถ่ายเดียว พุทธศาสนานี้ออกมาจากพระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์โดยแท้ เป็นศาสนาที่เอกอุทีเดียว คือผู้เป็นเจ้าของศาสนาเป็นผู้สิ้นกิเลส ความโลภไม่มี ความโกรธไม่มี ราคะตัณหาไม่มี ความลำเอียงนู้นเอียงนี้จึงไม่มี เสมอภาคคือธรรม ท่านผู้ใดนับถือพุทธศาสนาเรียกว่ามีลาภ มีวาสนาโดยลำดับลำดาไป
พูดถึงเรื่องศาสนาไม่ได้ตำหนิติเตียน เราเอาหลักความจริง ศาสนาๆ แปลว่าคำสั่งสอน สอนด้วยอำนาจของกิเลสก็มี สอนด้วยอำนาจของธรรมก็มี แต่อาศัยคำว่าศาสนา ประหนึ่งว่าเป็นธรรมไปเสียทั้งหมด ความจริงไม่ใช่ คำสอนของกิเลสก็มี คำสอนของธรรมก็มี คำว่าธรรม ธรรมของท่านผู้บริสุทธิ์ล้วนๆ คือพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนออกมาจากพระพุทธเจ้า และเป็นคำสอนที่เรียกว่าศาสนธรรม เป็นธรรมที่แน่นอนตายตัว
ศาสนาของกิเลสก็มี ผู้เป็นเจ้าของศาสนา เป็นคลังกิเลส แสดงออกไปจะเป็นกิเลสออกไปเรื่อยๆๆ เรียกว่าคลังกิเลส โครงการของกิเลส ศาสนาคำสอนของกิเลส อย่างนี้ก็มี ศาสนธรรมเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนของท่านผู้บริสุทธิ์ อย่างนี้ก็มี แต่มีน้อยมากทีเดียว ที่เรียกว่าศาสนธรรมนั้นมีน้อยมาก ศาสนะของกิเลสนี้มีมากมายก่ายกอง แต่มันก็เป็นกรรมของสัตว์ เราจะตำหนิติเตียนใครไม่ได้นะ มันหากเป็นกรรมนั้นแหละ กรรมของสัตว์เอง ที่จะให้ติดให้พัน ให้เชื่อถือในสิ่งไม่ดีทั้งหลายนี้ มันเป็นอำนาจของกิเลส มันดึงดูดได้ง่าย ส่วนที่จะให้เป็นไปในทางที่ดิบที่ดี คือธรรมแท้นี้มีน้อยมาก
เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้เข้ามานับถือพุทธศาสนาแล้วจึงเป็นผู้มีวาสนาพอสมควร และวาสนายิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าไม่ใช่เอากิเลสเข้ามาเป็นศาสนาในหัวใจของพระ กิริยาของพระเสียเท่านั้น ศาสนธรรมเป็นศาสนธรรมนำผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้สวยงามมีความสุข สวยงามในความประพฤติ กิริยามารยาท หน้าที่การงาน ถ้ากิเลสเข้าแทรกก็เป็นฟืนเป็นไฟไป เพราะกิเลสนี่เข้าได้ทุกแง่ทุกมุม ศาสนธรรมจึงมีน้อยมากทีเดียว แม้ในตัวเราเองคนหนึ่ง พระองค์หนึ่งนี้ศาสนธรรมที่มีอยู่กับเรานี้จะมีน้อยมากนะ แต่ศาสนกิเลสมีมากๆ แม้ในพระเรานี้เหมือนกัน เราต้องแยกออกไปให้เสมอภาค
ศาสนะของกิเลสคือกิเลสพาคิด พาอ่าน พาปรุง พาแต่ง พาต้องการ พาให้ดู ให้รู้ ให้เห็นในสิ่งต่างๆ พาให้อยากนั้นอยากนี้ เป็นเรื่องศาสนะของกิเลสออกในหัวใจพระ แล้วก็กว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาพระ ถ้าศาสนธรรมก็คือความคิดที่มีสติมีปัญญาให้เป็นอรรถเป็นธรรมไปล้วนๆ มีความสำรวมระวังตน นี่เรียกว่าศาสนธรรม พระองค์หนึ่งก็มีศาสนธรรมขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีความสำรวมระวัง สติสำคัญมากนะ สังวรธรรม ความสำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ต้องเอาสติเป็นผู้ระมัดระวังรักษา ถ้าไม่ใช่สติแล้วไม่ทัน เป็นศาสนะของกิเลสไปหมดนั่นแหละ อย่างเราอยู่ทั่วกันเวลานี้
คือแยกธรรมเป็นประเภทๆ แยกธรรมเป็นส่วนละเอียดออกมาจับธรรมส่วนหยาบ กิเลสส่วนละเอียดแทรกอยู่ในนั้น ส่วนมากมักจะมีแต่ศาสนกิเลสอยู่ในตัวของพระของเณรเรา ศาสนธรรมจะมีน้อย ฟังให้ดีนะคำนี้เคยพูดที่ไหน ศาสนะของกิเลสนี้มันจะพาคิด พาปรุง พาแต่งแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้น สอนตัวเองนั้นแหละ จูงตัวเองนั้นแหละไปเรื่อยๆ ศาสนธรรมคือเตือนตัวเองเรื่อย ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังอะไรก็ได้พินิจพิจารณา
(มีคนถ่ายภาพขึ้น) เวลานั้นอย่ามาถ่ายภาพนะ นี่ละศาสนกิเลสหรือศาสนธรรม กำลังเทศน์อยู่นี้พับออกมาแล้ว เป็นข้าศึกต่อธรรมในการเทศน์ เห็นไหมล่ะดูซิน่ะ มันแทรกอยู่นี้ เวลาฟังเทศน์มันก็แทรกเข้ามาอย่างนี้ละ
ผู้สำรวมตนได้ตามธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นลำดับลำดาไป ผลที่ปรากฏก็เป็นพระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหันต์ นี่เรียกศาสนธรรมเป็นลำดับลำดาไป จนเป็นศาสนธรรมล้วนๆ เต็มอยู่ในหัวใจ สอนโลกไม่ผิด ถ้าเป็นศาสนกิเลสสอนโลกผิดพลาด เพราะตัวเองพาให้ผิด เอ้าให้ท่านเป็นล่ามพูดให้ฟัง (ล่ามพระไทยแปลเป็นภาษาอินโดนีเซีย) นี่ถ้าอยากจนตรอกก็มาจนที่วัดป่าบ้านตาดนะ เราไปเอาไอ้ปุ๊กกี้มาพูดภาษาปุ๊กกี้ได้เรื่องไหม ไม่ได้ นั่นละจนตรอกตรงนี้ เข้าใจไหมล่ะ
เราพูดตามความจริงนะ เราไปเสียตรงที่เราไม่ค่อยรู้ภาษาอื่นๆ มาก มีแต่รู้ภาษาของเราเองเสีย ถ้ารู้ภาษาอื่นๆ ได้มากก็จะเป็นประโยชน์มาก เราเห็นได้ชัดเจนเวลาเราไปประเทศอังกฤษ ไปทีแรกพวกฝรั่งมังค่าไม่ค่อยมามากนัก ท่านปัญญาเป็นล่ามเพราะท่านปัญญาเป็นชาวอังกฤษ ไปทีแรกก็ไม่ค่อยมากนัก ต่อมาเพิ่มขึ้นๆ ๆ เต็มหมดเลยมีแต่ฝรั่งมังค่า เก้าอี้ไม่มีความหมาย เก้าอี้ที่นั่งๆ ของเขา มานั่งที่ไหนนั่งแทรกได้เลยเหมือนผ้าพับไว้ แล้วหนาแน่นขึ้นทุกวันๆ ทีแรกเขาบอกเขามาสังเกตการณ์ ผู้มาสังเกตการณ์ก็มี ครั้นต่อมาๆ นี้คำว่าสังเกตการณ์เลยหมดไปๆ ไม่ได้มาอยู่ไม่ได้ อยากมาอยากฟัง
ท่านปัญญาชาวอังกฤษเป็นล่ามแปลให้ฟัง ถ้าเราพูดเป็นภาษาอังกฤษเลยจะมีรสชาติมีน้ำหนักมากกว่านั้น เราไปเพียงเท่านั้นก็เห็นประโยชน์มากมาย พวกชาวอังกฤษพออกพอใจ เวลาจะมานี้น้ำตาพัง เราลาจะมา ก็อย่างนั้นแล้ว ธรรมเข้าที่ไหนสนิทกันได้ทั้งนั้น ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะที่ไหนๆ ธรรมเข้าได้หมด เข้าได้สนิทๆ คือธรรม เพราะฉะนั้นใครมีธรรม ตัวเองก็สนิทใจตัวเอง สมาคมกับผู้ใดต่างคนต่างมีธรรมก็มีความสนิทกัน ทั่วโ |